วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

เครปเค้ก

เครปเค้ก
ส่วนผสมและวิธีทำ เราจะบรรยายตามภาพเลยนะคะ

1. เตรียมส่วนผสมต่างๆ เพื่อทำแป้งสำหรับทอดเป็นแผ่นๆ ได้แก่
- ไข่ไก่ 8 ฟอง
- เนย 150 g (นำไปตั้งไฟให้ละลาย)
- นมสดจืด 600 ml (นำไปอุ่นแล้วพักไว้ให้เย็น)
- แป้ังเค้ก 230 g (ไม่ต้องร่อน)
- น้ำตาลทราย 120 g
- กลิ่นวานิลา (ตามชอบ)

2. ตีไข่ในชามผสม แล้วใส่น้ำตาลทรายลงไป ผสมให้เข้ากัน

3. เมื่อไข่กับน้ำตาลผสมกันดีแล้ว ใส่แป้งลงผสมทีละน้อย จนหมด

4. คนจนแป้งไม่เป็นเม็ด

5. ค่อยๆ เทนมที่นำไปต้มแล้วทิ้งไว้ให้เย็นแล้ว ลงผสม คนๆ ให้เป็นเนื้อเดียวกัน

6. สุดท้ายเทเนยละลายลงผสม ทีละน้อยจนส่วนผสมเข้ากันดี จากนั้นเติมกลิ่นวานิลลาลงไปผสมเป็นอันเสร็จ

7. กรองแป้งที่ผสมแล้ว เนื่องจากอาจมีเศษไข่ เศษแป้งที่ยังหลงเหลือ

8. แป้งที่กรองแล้ว นำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ 1 - 2 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ค้างคืนก็ยิ่งทำให้แป้งนุ่มขึ้น

9. แป้งที่แช่ตู้เย็นไว้แล้ว จะมีลักษณะแยกตัว อย่างที่เห็น เมื่อนำออกมาแล้ว ต้องคนให้เนื้อแป้งผสมกันอีกครั้ง ถึงจะนำมาทอดได้

10. นำแป้งลงทอดใสกระทะเทปลอน โดยขณะเทแป้งนั้นกระทะต้องไม่ร้อน หากกระทะร้อนจะไม่สามารถกลิ้งแป้งให้เป็นแผ่นได้ แป้งที่สุกแล้วสังเกตจะมีฟองอากาศพองขึ้นมา และขอบเริ่มแห้งให้ใช้ตะหลิวแซะขอบให้รอบ เสร็จแล้วคว่ำกระทะลงบนตะแกรงพักแป้ง แป้งก็จะหลุดออกมาเป็นแผ่นเอง

*** ตัวอย่างแป้งที่เทลงในขณะที่กระทะยังร้อนอยู่ ****

11. ทอดจนหมดแล้วนำมาพักไว้ให้เย็น

ที่นี้มาดูส่วนของครีม เจ้าของกระทู้เลือกใช้วิปครีม Anchor กับ วิปครีม Act

เนื่องจากวิปครีม Anchor นั้นเป็นวิปครีมที่มีความหอมมัน แต่ไม่มีรสชาด จึงนำวิปครีม Act มาผสมด้วย ในอัตรา 3:1 เนื่องด้วย วิปครีม Act นี้จะมีความหวานอยู่ในตัว แต่บางกรณีอาจใช้น้ำตาลไอซิ่งเพิ่มความหวานแทนก็ได้ ส่วนปริมาณวิปครีม แล้วแต่ว่าเราจะชอบครีมหนาหรือบาง


1. ตีวิปครีมให้พอตั้งยอดอ่อน

2. นำแป้งที่เย็นแล้วมาวางบนกระดาษรองเค้ก เสร็จแล้วปาดวิปครีมให้ทั่วแผ่น ทำแบบนี้สลับกันไปเรื่อยๆ จนหมดแป้ง



*** เมื่อประกอบสำเร็จแล้วออกมาเป็นลักษณะนี้ค่ะ ****


นำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ เพื่อให้วิปครีมเซตตัว ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วจึงนำมาตัดแบ่ง


ก่อนรับประทาน ก็ราดซอสซะหน่อย เพื่อความอร่อยยิ่งขึ้น จะราดซอสช๊อคโกแลต หรือสตอเบอรี่ก็ไม่ว่ากันค่ะ



เรียบร้อย แนะนำวิธีการรับประทานนิดนึง ขณะที่นำออกมาจากตู้เย็น ก่อนรับประทานควรทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แป้งจะนุ่มมมละลายในปากเลยทีเดียว

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ช็อคโกแล็ตหน้านิ่มแบบแท่ง(Chocolate Cake)

ช็อคโกแล็ตหน้านิ่มแบบแท่ง(Chocolate Cake)





วันก่อนนึกครึ้มอกครึ้มใจ ทำเค้กช็อคหน้านิ่ม
สูตรคุณแพรเจ้าเก่าให้เด็กๆที่บ้านกินกัน
ก็อบเค้กใส่พิมพ์กลมๆธรรมดาปรกติ
ทำเป็นแบล็คฟอเรสต์เค้ก เด็กๆกินกันเอร็ดอร่อย
ทำแต่กลมๆก็เบื่อนะ ทีนี้นึกอยากทำทรงอื่นบ้าง
คิดไปคิดมา ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่น่าจะง่ายสุด
ก็เลยจัดการอบเค้กใส่ถาด ยาว๑๖ นิ้ว กว้าง๑๑ นิ้ว สูง๑ นิ้ว
จัดการตกแต่งปั๊บๆๆ..วันรุ่งขึ้นให้พ่อบ้านถือไปฝากสาวๆที่ทำงาน
หมดเกลี้ยงภายในวันเดียว ไม่เหลือแม้แต่เศษ..
เพราะว่าพ่อบ้านล้างถาดก่อนเอากลับมาบ้าน ฮ่าๆ
แต่ว่าหมดเกลี้ยงค่ะ เค้กคุณแพรสูตรนี้ขายดิบขายดีตลอดกาล
กลับมาบ้านพ่อบ้านก็ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ ไม่รู้สนุกอะไรนักหนา
บอกว่า ขนาดคนกินวีแกน ยังมาตัดเค้กกินเลย ฮ่าๆ
ก็ล้อว่า..เราไปทำให้คนกินวีแกนตะบะแตก..เอาละสิ..ฮ่าๆ

รูปสำเร็จที่มีเชอร์รี่ประดับถ่ายภาพตอนเช้าๆก่อนพ่อบ้านไปทำงาน
ส่วนรูปอื่นๆถ่ายตอนเย็นๆแล้ว สีของเค้กเลยแตกต่างกันไปด้วยค่ะ



มีหลายๆคนเข้ามาถามว่าไม่มีเอสพีใช้ ทำยังไงดี ซื้อที่ไหน
บอกตามตรงว่านอกจากที่เมืองไทยแล้วแม่ปูก็ไม่รู้แหล่งซื้อค่ะ
ว่าจะไปถามที่แผนกเบเกอรี่แถวบ้านดู ก็ไม่สบโอกาสเหมาะสักที
แต่ว่าในเมื่อเราอบเค้กได้ฟู นุ่ม อร่อยอย่างนี้โดยที่ไม่ใช้สารเอสพี
แม่ปูก็ไม่เดือดร้อนอะไร ชิฟฟ่อนเค้กก็อร่อยฟูนุ่ม แค่ตีไข่ขาว
ให้ขึ้นฟูผสม เราก็จะได้เค้กนุ่มๆอร่อยกิน ติดใจกันไปทั้งบาง..


เค้กก้อนนี้พอทำเสร็จ ไม่ได้ตัดเป็นชิ้นๆนะคะ
ใจหนึ่งอยากจะตัด แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้เป็นก้อนเดียวสวยๆ
ให้เพื่อนๆที่ทำงานพ่อบ้านเห็นสวย ไม่ดูแหว่งดูเว้า ไม่น่าดู
อีกใจหนึ่งก็คิดว่า ถ้าเราตัดแล้วเราซ่อมใหม่ให้ดูสวยเหมือนเดิมก็คงได้
แต่ไปๆมาๆ เวลาไม่อำนวยด้วย ก็เลยตัดใจไม่ตัดเป็นชิ้นๆมาโชว์ค่ะ
แต่ว่าเค้กสูตรนี้ การันตีความอร่อยอยู่แล้วรู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง




ก่อนอบเค้กก็ทำหน้าเค้กไว้ก่อนค่ะ ทำเสร็จแล้วใส่ตู้เย็นไว้
ให้ส่วนผสมข้น จะได้นำมาปาดเค้กได้ง่ายๆ
ทั้งครีมปาดหน้าเค้ก ทั้งตัวเค้ก เป็นสูตรจากช็อคโกแล็ตหน้านิ่มล้วนๆค่ะ
ส่วนตัวเค้ก..หลังจากที่จัดการทำทุกอย่างตามขั้นตอนทั้งหมด
แต่คราวนี้แทนที่เราจะเทใส่พิมพ์กลม แม่ปูก็เทใส่ถาดแทนค่ะ
ถาดขนาด ยาว๑๖ นิ้ว กว้าง๑๑ นิ้ว สูง๑ นิ้ว
อบด้วยอุณหภูมิ ๔๐๐ องศาฟาเรนไฮน์ ประมาณ ๑๓-๑๕ นาที
เตาอบแม่ปูเลอะไปหน่อย วันขอบคุณพระเจ้าโยนมันหวานเข้าไปอบ
ไม่ได้รองด้วยถาด น้ำหวานจากมันหยดใส่ในเตา ยังไม่ได้ทำความสะอาดเลย



จะสุกแล้วค่ะ กลิ่นเริ่มหอมชวนน้ำลายหกแล้วค่ะ ใช้ไม้ปลายแหลม
จิ้มลงไปในเนื้อเค้กเพื่อเช็คดูว่าสุกหรือยัง ถ้าไม่มีเศษเค้กติดไม้ขึ้นมาก็สุกแล้วค่ะ



พอเค้กสุกแล้ว เอาออกจากเตาอบ พักเค้กไว้สักประมาณ ๕-๑๐ นาที
ก่อนที่จะคว่ำเค้กวางลงบนตะแกรง พักเค้กให้คลายความร้อนก่อน

ถ้าใครยังไม่แต่งหน้าเค้กทันที พอเค้กเย็นแล้ว ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ
คลุมเค้กไว้ก่อนได้ค่ะ เค้กจะได้ไม่แห้ง แต่ผ้าต้องแห้งหมาดๆนะคะ



เมื่อเค้กเย็นแล้ว จัดการแบ่งเค้กออกเป็นสามส่วนเท่าๆกัน
แม่ปูไม่ได้ตัดขอบออกเลยค่ะ กลัวว่ายิ่งตัดยิ่งจะเบี้ยวเลยไม่ตัด
แต่ตัดขอบด้านกว้างออกไปข้างละหน่อยนึงค่ะ
ตอนเทส่วนผสมใส่ถาด แม่ปูเกลี่ยส่วนผสมไม่ค่อยเท่ากันเค้กเลยเอียงไปบ้าง



ค่อยๆยกเค้กที่ตัดไว้แล้วมา ๑ ชิ้น ปาดด้วยครีมที่เตรียมไว้แล้ว
แม่ปูวางเค้กบนถาดค่ะ ดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ไม่ได้ซื้อแผ่นรองเค้กมา
ร่ำๆจะออกไปซื้อ จะได้วางเค้กให้ดูสวยๆ แต่ก็ขี้เกียจไปแล้วจะมีขายหรือเปล่าก็ไม่รู้อีก
ก็เลยเอาวางบนถาดนี่เลยค่ะง่ายดี ไม่เปลืองด้วย อิอิ กินเค้กหมดก็แล้วกัน



ปาดๆไปค่ะ ใส่ครีมไม่มากไม่น้อยจนเกินไป โปะล้นมากเดี๋ยวครีมไม่พอด้วย
จากนั้นก็เอาตัวเค้กชิ้นที่สองวางซ้อนทับลงไป แล้วปาดครีมอีกชั้นหนึ่ง
แล้วจึงเอาตัวเค้กชิ้นที่สามวางทับลงไปอีก จากนั้นก็โปะๆปาดๆครีมให้ทั่ว



ไม่ต้องปาดเนียนกริ๊บนักก็ได้ ยังไงก็จะโรยช็อคโกแล็ตขูดทับอีกที
เอาว่าปาดให้เรียบเสมอกันก็ใช้ได้ค่ะ



จากนั้นก็เอาช็อคโกแล็ตขูดโปะลงไปให้ทั่ว
ช็อคโกแล็ตแม่ปูใช้ช็อคโกแล็ตบาร์ ๘๕ เปอร์เซ็นต์ Dark
สีจะสวยเข้มหน่อยค่ะ ไม่หวาน เพราะครีมกับเค้กก็หวานอยู่แล้ว



ด้านข้างก็ตะแคงถาดซะหน่อย แล้วค่อยโรยช็อคโกแล็ตขูดลงไป
ส่วนที่ร่วงๆหล่นๆก็เก็บๆขึ้นมาโรยต่อ เวลาที่ขูดช็อคโกแล็ต..
แม่ปูขูดใส่แผ่นพลาสติกแข็งที่สามารถม้วนได้บ้างนะคะ
คือสามารถทำเป็นกรวยได้ เราจะได้ค่อยๆโรยช็อคโกแล็ตลงมา
โดยที่เราไม่ต้องหยิบจับช็อคโกแล็ตขูดโดยตรง เผื่อละลายในมือ..



เรียบร้อย

สตอร์วเบอรี่มูสเค้ก(Strawberry Mousse Cake)


สตอร์วเบอรี่มูสเค้ก(Strawberry Mousse Cake)










บางคนมือใหม่มากๆอาจจะคิดว่ามูสเค้กแบบนี้ยาก
แต่ถ้าดูดีๆแล้วนอกจากการตกแต่งหน้าให้สวยงามก็ไม่มีอะไรมาก
สตอร์วเบอรี่มูสเค้กแบบนี้จะมีอยู่สามชั้นง่ายๆค่ะ
ชั้นแรกจะเป็นตัวเค้ก สปันจ์ หรือชิฟฟ่อนก็ได้แล้วแต่ใจชอบ
ขนาดก็แล้วแต่ชอบ วันนี้แม่ปูอบเค้กใส่พิมพ์ขนาด๗ นิ้วครึ่ง
แล้ววางในพิมพ์สปริงฟอร์มขนาด ๘ นิ้วครึ่ง

ชั้นที่สอง จะเป็นมูส คือวิปครีมและสตอร์วเบอรี่ปั่นผสมรวมกัน

ชั้นที่สาม เป็นเจลลี่ที่ได้จากการผสมน้ำสตอร์วเบอรี่และเจลาติน

แค่นี้เองค่ะสำหรับที่เราจะทำเค้กนี้ เป็นพื้นฐานง่ายๆ
นอกจากนั้นใครจะนำไปดัดแปลงตกแต่งให้สวยงามอลังการขนาดไหน
ก็แล้วแต่จินตนาการและฝีมือของแต่ละคน
และต้องอาศัยการหมั่นฝึกฝนทำอยู่เรื่อยๆนะคะ
พอทำเรื่อยๆจินตนาการมันจะบรรเจิด
สร้างสรรเค้กออกมาได้แตกต่างกันไปความคิดก็เหมือนมีดยิ่งลับก็ยิ่งคม
ยิ่งฝึกฝนก็ยิ่งจะได้สิ่งใหม่ๆสวยงามตระการตาออกมาให้ปรากฏค่ะ



ส่วนผสมสตอร์วเบอรี่มูสเค้ก


สปันจ์เค้ก หรือชิฟฟ่อนเค้กขนาด ๒ ปอนด์ ๑ ก้อน (สไลด์แบ่งครึ่งไว้)
วิปครีม ๒ ถ้วย
สตอร์วเบอรี่สด ๕๐๐ กรัม
น้ำตาลทราย ๑๐๐ กรัม
น้ำส้ม หรือน้ำแอ้ปเปิ้ล หรือน้ำสตอร์วเบอรี่ ๑/๒ ถ้วย
เจลาตินสำหรับผสมสตอร์วเบอรี่มูส ๑ ช้อนโต๊ะ
เจลาตินสำหรับท้อปปิ้ง (น้ำสตอร์วเบอรี่) ๑ ช้อนโต๊ะ
((ให้ใช้ unflavored Gelatineนะคะ))
สตอร์วเบอรี่สดๆค่ะ ปรกติเค้าจะเขียนน้ำหนักติดกล่องไว้
บางทีแม่ปูเอามาชั่ง มันจะหนักกว่าที่เค้าเขียนไว้บ่อยๆเลยค่ะ
ถ้าหาสดๆไม่ได้ สามารถใช้แบบแช่แข็งได้
แบบแช่แข็งน้ำจะเยอะกว่าแบบสด
แต่ยังไงเราก็จะกรองเอาน้ำออกอยู่แล้วใช้สดหรือแช่แข็งก็ไม่มีปัญหาค่ะ
สำหรับความหวาน ก็ต้องแล้วแต่ผู้รับประทานด้วยนะคะ
ชอบหวานมากน้อยขนาดไหนก็เพิ่มลดเอาได้ค่ะ





ขั้นตอนการทำ

๑.จัดการทำตัวเค้กไว้เตรียมไว้ก่อน เค้กสองปอนด์สไลด์แบ่งครึ่งไว้


๒.ระหว่างที่รอให้เค้กเย็นก็ต้มสตอร์วเบอรี่ไว้ค่ะ
ผสมน้ำตาล น้ำผลไม้ที่ชอบ เช่นน้ำส้ม น้ำแอ้ปเปิ้ล
หรือน้ำสตอร์วเบอรี่ลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งบนเตาปล่อยให้ส่วนผสมเดือด
จนสตอร์วเบอรี่อ่อนตัวก็ปิดไฟยกออกจากเตา
แม่ปูใส่น้ำแอ้ปเปิ้ลค่ะ


ใส่น้ำตาลลงไป



๓.พอต้มสตอร์วเบอรี่อ่อนตัวดีแล้ว
ก็นำมากรองแยกเอาน้ำออกเก็บน้ำไว้ทำท้อปปิ้ง



น้ำเชื่อมที่ได้ถ้ามีฟองอากาศลอยหน้าก็ใช้ช้อนตักฟองนั้นทิ้งไป



น้ำเชื่อมใสๆหน้าเค้กจะได้สวยเด้งไม่มีรูและฟองอากาศให้ระคายเคืองใจ
ตวงแล้วได้น้ำเชื่อมทั้งหมดประมาณ ๑ ถ้วยตวงค่ะ



๔.ก่อนที่จัดการกับสตอร์วเบอรี่ ก็ให้ผสมเจลาตินกับน้ำทิ้งไว้ด้วยนะคะ
ใส่น้ำลงในถ้วยเล็กๆประมาณ ๓ ช้อนโต๊ะ โรยเจลาติน ๑ ช้อนโต๊ะ ลงไป
ทิ้งไว้ให้เจลาตินพองตัว ถ้าใครใช้เจลาตินชนิดแผ่นก็อ่านดูวิธีทำข้างกล่อง
พอเจลาตินพองตัวแล้วก็ทำให้เจลาตินละลายด้วยวิธีDouble Boiler
โดยใส่น้ำในกระทะหรือหม้อเล็กน้อยเปิดไฟอ่อนๆ พอให้น้ำร้อนไม่ต้องเดือด
เอาถ้วยเจลาตินวางลงตรงกลางกระทะทิ้งไว้สักพักเจลาตินจะละลาย
เมื่อเจลาตินละลายแล้วก็ยกถ้วยออกจากกระทะ ทิ้งเจลาตินให้เย็นก่อน
จึงนำไปผสมกับสตอร์วเบอรี่ปั่น ตรงท้อปปิ้งก็ทำเช่นกันค่ะ
แต่ว่าส่วนท้อปปิ้งต้องรอก่อนนะคะ เราทำมูสก่อนค่ะ



๕.ต่อไปสำหรับเนื้อสตอร์วเบอรี่ที่ได้ ให้นำมาปั้่นจนละเอียดเลยค่ะ
จากนั้นก็เอาสตอร์วเบอรี่ปั่นใส่ในหม้อขนาดกลางๆ
ยกหม้อขึ้นตั้งบนเตา เปิดไฟกลางค่อนข้างอ่อน
พอส่วนผสมเริ่มเดือดก็ปิดไฟในเตา
แล้วจึงเทเจลาตินลงไปในหม้อสตอร์วเบอรี่ปั่น
คนส่วนผสมให้เข้ากัน พักส่วนผสมให้เย็นก่อนจึงนำไปโปะเค้กค่ะ
แม่ปูใจร้อน ใช้วิธีเอาน้ำหล่อก้นหม้อค่ะ ส่วนผสมจะได้เย็นทันใจ



๖.ต่อไปก็ตีวิปครีมให้ขึ้นฟู วันนี้แม่ปูตีนานเกินไปนิดนึงค่ะ
เนื้อครีมหยาบไปนิดนึง แต่ว่าก็ใช้ได้ละนะ
ได้วิปครีมแล้วก็เอาส่วนผสมสตอร์วเบอรี่มาผสมให้เข้ากัน
แม่ปูลืมถ่ายตอนที่ผสมเสร็จแล้วในอ่างผสมแต่ไม่เป็นไรนะคะ
ยังไงก็เห็นอยู่ดีตอนโปะแล้วเนอะ..
ขั้นตอนนี้ถ้าใครชอบหวานๆนะคะ ให้ตีวิปปิ่งครีมผสมน้ำตาลป่นลงไปด้วย
ใช้น้ำตาล ๑/๔ ถ้วย หรือ ๑/๓ ถ้วย แล้วแต่ความชอบค่ะ



๗.เอาเค้กวางลงในพิมพ์สปริงฟอร์มหรือพิมพ์ถอดก้นได้
จากนั้นก็เอามูสที่ผสมไว้โปะลงไปสักครึ่งหนึ่งก่อนค่ะ
ขั้นตอนนี้ถ้ามูสใครเหลวไป อาจจะนำเค้กนี้ไปใส่ในช่องฟรีซก่อน
ให้มูสแข็งตัวสักนิดนึงได้นะคะ ประมาณ ครึ่งชั่วโมงถึง๔๕นาที
แล้วแต่ค่ะ ยังไงให้เช็คดูกันอีกทีนะคะ ตอนที่แม่ปูทำนั้น
มูสไม่ค่อยเหลวเท่าไหร่ค่ะ ก็เลยทำเสร็จเดี๋ยวนั้นเลย



๘.เอาเค้กส่วนที่เหลือวางทับลงไปอีกชั้น
แล้วก็โปะด้วยมูสที่เหลือ ถ้าทำไม่ดีอาจจะมีรูอากาศเป็นหย่อมๆได้
ให้เอาไม้ปลายแหลมจิ้มลงไปวนๆด้วยนะคะ แล้วกระแทกพิมพ์เบาๆไล่ฟองอากาศ



โปะสตอร์วเบอรี่มูสลงไปให้เหลือพื้นที่ขอบด้านบนไว้ด้วยสัก ๑ เซ็น
สำหรับราดท้อปปิ้งนะคะ ขั้นตอนต่อไปก็เอาไปใส่ตู้เย็นให้มูสแข็งตัวค่ะ
แม่ปูจับใส่ช่องแช่แข็งเลยค่ะ สักสองสามชั่วโมงพอหน้าตึงๆ
แม่ปูก็เอาออกมาราดท้อปปิ้งเลยค่ะ ดูมูสเนื้อหยาบไปนิดนึงนะคะ แต่ให้อภัย แหะๆ



๙.ระหว่างที่รอมูสเซ็ทตัว ก็ไปทำท้อปปิ้งกันค่ะ
จัดการทำเจลาตินเหมือนในข้อ ๔ เลยนะคะ
เอาน้ำเชื่อมที่เหลือที่แยกไว้ในข้อสามใส่หม้อตั้งบนเตา
ให้น้ำเชื่อมร้อน ไม่ต้องถึงกับเดือดก็ได้ค่ะ ปิดไฟในเตา
แล้วก็เทเจลาตินลงไปผสม คนส่วนผสมให้เข้ากัน
ทิ้งไว้ให้เย็น เมื่อมูสเค้กเซ็ทตัวแล้วก็จะได้ราดท้อปปิ้งกันค่ะ
ตอนนี้มูสแข็งตัวแล้วนะคะ เอาออกมาจากช่องฟรีซ
ค่อยๆเทน้ำเชื่อมผสมเจลาตินลงไปเบาๆ เทลงด้านข้างของเค้กนะคะ



เสร็จแล้วจะได้ท้อปปิ้งใสเด้งสีสวยๆอย่างนี้ค่ะ
ตอนนี้ยังไม่ค่อยเด้งเท่าไหร่ ต้องนำไปแช่ตู้เย็นให้เจลาตินแข็งตัวก่อนค่ะ




ตอนนี้ทุกอย่างแข็งตัวพร้อมตัดเสิร์ฟค่ะ
จริงๆน่าจะแต่งหน้าด้วยผลไม้ต่างๆให้สวยๆหน่อยแต่แม่ปูก็ไม่ได้ทำ
ยังไงเพื่อนๆก็แต่งให้สวยๆเอาก็แล้วกันนะคะ
เอาผลไม้วางตอนที่เราราดท้อปปิ้งเลยก็ได้ค่ะ ผลไม้จะได้ติดกับเจลลี่ดี
หรือจะเอาวางทีหลังก็ได้ แล้วแต่ความชอบนะคะ

ชอคโกแลตมูสเรดเบอรี่กล้วยหอม

สูตรทำ Banana Chocolate Mousse Sliced






ส่วนผสม Banana Frame Caramel
  • กล้วยหอม     2 ลูก
  • น้ำตาลทราย 300    กรัม
  • น้ำเปล่า    80    กรัม
  • น้ำส้มซันควิก    100    กรัม

วิธีทำ
1. เคี่ยวน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าให้เป็นคาราเมล แล้วใส่กล้วยหอมลงเคลือบให้เหลืองสวย
2. นำน้ำส้มใส่ลงในส่วนผสมข้อที่ 1 ผสมพอเข้ากันให้กล้วยหอมมีกลิ่นหอมของน้ำส้ม แล้วจึงนำออกมาพักไว้ให้เย็นสนิท



ส่วนผสม Chocolate Mousse
  • วิปครีมชนิดจืด   130 กรัม
  • ดาร์กช็อกโกแลต 200    กรัม
  • เจลาตินชนิดแผ่น 3    แผ่น
  • ผิวส้มซันคิสขูด ½    ลูก
  • วิปปิ้งครีมชนิดจืด 290    กรัม
  • เหล้ารัม     10    กรัม
  • ดาร์กช็อกโกแลตตุ๋นสำหรับราดหน้า
  • ราสป์เบอร์รีสดและเรดเคอร์เรนต์สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
  1. แช่เจลาตินลงในน้ำเย็นจัดจนแผ่นมีลักษณะนุ่ม เตรียมไว้
  2. นำวิปครีมต้มพอเดือด จากนั้นผสมด้วยดาร์กช็อกโกแลต คนพอดาร์กช็อกโกแลตละลาย ใส่เจลาตินผสมพอเข้ากัน
  3. ผสมวิปปิ้งครีมที่ตีพอตั้งยอดอ่อน ผิวส้มซันคิส และเหล้ารัมลงในส่วนผสมข้อที่ 2 คนจนส่วนผสมเข้ากันดี

ขั้นตอนการทำ Banana Chocolate Mousse Sliced
  1. เตรียมพิมพ์สี่เหลี่ยมรองด้วยกระดาษไข
  2. เทมูสใส่ลงในพิมพ์สูงประมาณ 1 เซนติเมตร
  3. จัดเรียงกล้วยใส่ลงบนมูส
  4. ตักมูสใส่ลงบนกล้วยหอมให้เต็มพิมพ์
  5. ปาดมูสให้เรียบแล้วนำเข้าตู้เย็นให้เซ็ตตัว
  6. นำขนมออกจากตู้เย็นแล้วนำจุ่มในน้ำอุ่น คว่ำออกจากพิมพ์
  7. ราดดาร์กช็อกโกแลตลงบนมูสแล้วนำเข้าตู้เย็นพอเซ็ตตัว
  8. พอช็อกโกแลตเซ็ตตัวให้ใช้มีดชุบน้ำอุ่นแล้วหั่นจะทำให้หั่นง่ายขึ้น ตกแต่งด้วยราสป์เบอร์รีและเรดเคอร์เรนต์
หมายเหตุ
  • วิปครีมคือส่วนผสมที่ยังไม่ได้ตีให้ขึ้นฟู 
  • วิปปิ้งครีมคือครีมส่วนผสมที่ตีให้เกิดการขึ้นฟูแล้ว